ชาวสวนสุดช้ำ ซื้อสารกำจัดวัชพืช ฉีด 3 วัน ผักตายเรียบ 2 ไร่ ท้าเซลล์ลอง กลับเดินหนี
วันที่ 7 พ ย 62 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกร ชาวต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ ราชบุรี ว่าได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากปลูกกะหล่ำดอก และได้ไปปรึกษากับร้านจำหน่ายเคมีภัณฑ์เกษตร เรื่องสารที่จะนำมาฉีดในสวนเพื่อควบคุมวัชพืช แต่หลังจากทางร้านแนะนำสารควบคุมวัชพืชมาฉีดกลับทำให้กะหล่ำดอกใบไหม้ เป็นรู หยิกงอ ไม่สามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้ และร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน แต่เรื่องก็เงียบ ทำได้แค่ไปลงบันทึกประจำวัน

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบกับ นางสุกัลญา ไผ่สอาด อายุ 45 ปี เกษตรที่ได้รับความเดือนร้อน เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพทำการเกษตรมากว่า 5 ปีแล้ว ส่วนสวนกะหล่ำดอกที่ประสบปัญหา ตนได้ขอเช่าที่กับ ป้าหงษ์ อายุ 54 ปี จำนวน 6 ไร่ อยู่ในหมู่บ้านนาคอก หมู่ 2 ต ทุ่งหลวง อ ปากท่อ จ ราชบุรี ซึ่งส่วนใหญ่มีการปลูกแตงกวา แต่ตนต้องการที่จะปลูกกะหล่ำดอกเนื่องจากเห็นว่าราคาดี และพื้นที่ดังกล่าวมีความเหมาะสมในการปลูก โดยตนไปกู้เงินกว่า 70000 บาท มาลงทุน
จากพื้นที่ 6 ไร่ แบ่งปลูกแตงกวา 2 ไร่ ปลูกกะหล่ำดอก 2 ไร่ ส่วนอีก 2 ไร่ จะใช้ปลูกกะหล่ำดอกเช่นกัน แต่ใช้วิธีปลูกไล่เรียงระยะเวลากันเพื่อจะได้มีผลผลิตส่งให้กับลูกค้าได้ตลอด เมื่อตนได้ลงกล้ากะหล่ำดอก ตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 1 ต.ค. ตนเห็นว่าวัชพืชขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงไปที่ร้านจำหน่ายเคมีภัณฑ์การเกษตรตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ทุ่งหลวง เพื่อขอซื้อสารควบคุมวัชพืชที่ไม่มีปัญหากับพืชผลอื่น เพราะเนื่องจากตนกลัวว่าถ้าใช้ไม่ถูกชนิดอาจทำให้แตงกวาของสวนอื่นที่ปลูกอยู่ใกล้กันได้รับความเสียหาย
ซึ่งทางร้านให้คำแนะนำมาว่าให้ใช้สารกำจัดวัชพืชยี่ห้อหนึ่ง เพราะพืชผลจะไม่ได้รับผลกระทบ จากนั้นตนได้นำสารกำจัดวัชพืชมาฉีดพ่นตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. และเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 5 ต.ค. ป้าหงษ์เจ้าของที่ดินได้โทรมาบอกว่า ต้นกะหล่ำที่ตนปลูกไว้ใบไหม้เหลืองเหมือนต้นจะตาย ตนจึงรีบเดินทางไปดูแทบเป็นลม เพราะต้นกะหล่ำที่ตนปลูกไว้ 2 ไร่เป็นลักษณะแบบเดียวกันทั้งหมด จึงถ่ายคลิปและภาพไว้เป็นหลักฐาน เพื่อจะไปแจ้งความเพราะคิดว่า น่าจะมีคนแกล้ง แต่พอตนสอบถามจากป้าหงษ์จึงมั่นใจว่าไม่มีใครแกล้ง แต่น่าจะเกิดจากยาตัวที่ทางร้านแนะนำมาให้ใช้

นางสุกัลญา กล่าวต่อว่า เมื่อตนกลับไปที่ร้าน ทางร้านบอกว่าจะประสานกับโรงงานผลิตให้ ตนสามารถติดต่อกับทาง ผจก.โรงงานผลิตได้ และได้รับคำตอบว่า ทางโรงงานจะเข้ามาดูแลให้ แต่ขออย่าเพิ่งไปแจ้งความ แจ้งผู้สื่อข่าว และหน่วยงานต่างๆ ตนรู้สึกอุ่นใจและยอมทำตามที่ ผจก.โรงงานผลิตบอกไว้ แต่แล้วเรื่องก็เงียบหายไปนานประมาณครึ่งเดือน จึงโทรไปสอบถามกับทาง ผจก.โรงงานผลิตอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ผจก.โรงงานผลิตตอบกลับว่าได้นำยาที่อยู่ภายในร้านไปตรวจสอบแล้ว ก็มีความปกติไม่มีสารตัวอื่นเกินกว่าที่กำหนด และความเสียหายน่าจะไม่ได้เกิดจากยาตัวนี้ น่าจะเกิดจากยาประเภทยาฆ่าหญ้า แต่จะส่งเซลล์ลงมาตรวจสอบที่สวนตน พร้อมกับให้เบอร์โทรเซลล์มา
เมื่อตนได้รับคำตอบก็รู้สึกไม่มีความสบายใจ เพราะตั้งแต่ตนลงมือปลูกกะหล่ำดอกชุดนี้ ตนไม่ได้ฉีดยาตัวไหนเลย แถมปุ๋ยก็ไม่เคยใส่ และวัสดุอุปกรณ์ เช่น ถังน้ำ ที่ตนใช้ก็เป็นของใหม่ทั้งหมด หลังจากวันนั้นเซลล์ได้เดินทางมาดูที่ไร่ของตน แต่เมื่อมาถึงเซลล์กลับไม่ได้ดูต้นกะหล่ำที่ปลูกไว้เลย แต่พูดว่ายาเขา เขาขายมาเยอะแล้วไม่เคยมีใครเป็นแบบนี้มีของตนเจ้าแรก ตนได้บอกเซลล์ไปว่าตั้งแต่ปลูกมาก็ไม่เคยใช้ยาตัวอื่นเลย นอกจากยาที่ทางร้านแนะนำมา เซลล์ก็ทำเป็นเหมือนไม่สนใจพร้อมกับพูดเชิงท้าทายว่า ต่อให้พี่ใส่ยาตัวนี้ไปขวดครึ่ง ต่อน้ำสองร้อยลิตรก็ไม่เป็นอะไร

เมื่อตนกับเพื่อนได้ยินเซลล์พูดแบบนี้ จึงท้าเซลล์กลับไปให้ลองใช้เลย ถ้าไม่เป็นอะไรก็ให้จบกันไป แต่เซลล์เดินหนีกลับไปเลย หลังจากวันนั้นตนโทรไปปรึกษากับเซลล์อีกครั้ง แต่ได้รับคำตอบอีกว่า จะให้ผมดูแลอย่างไร เคสอย่างพี่ผมเจอบ่อย ผมขายยาตรงนี้มานาน ผมไม่ใช่ไก่กาที่ใครจะมาเรียกร้องอะไรกับผมก็ได้ เมื่อตนได้รับคำตอบแบบนี้ทำให้ตนเจ็บใจมาก จึงไปร้องเรียนกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานเกษตร อ.ปากท่อ ศูนย์ดำรงธรรม อ.ปากท่อ และ สคบ. แต่ได้รับการปฏิเสธหมดทุกหน่วยงาน ตนจึงทำได้แค่เพียงไปแจ้งลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ปากท่อ และได้ส่งเรื่องราวไปให้กับทางสื่อมวลชนให้ช่วยเหลือ
ด้าน ป้าหงษ์ เจ้าของที่ดิน กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าต้นกะหล่ำดอกเกิดความเสียหายจากสารกำจัดวัชพืช ไม่ได้เกิดจากมีใครมากลั่นแกล้ง เพราะตนเพาะปลูกพืชต่างๆ ใกล้กับสวนของ นางสุกัลญา จะอยู่เกือบตลอดทั้งวันไม่ได้ไปไหนจากห่างจากเลย และตนก็ยืนยันได้ว่าไร่ของ นางสุกัลญา ไม่เคยใช้ยาหรือใส่ปุ๋ยเลย มีแต่ใส่สารกำจัดวัชพืชดังกล่าวเท่านั้นแล้วก็เกิดเรื่อง ซึ่งวันที่เซลล์มานั้นตนก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย พร้อมกับเป็นคนท้าให้เซลล์ลองเอายามาฉีดที่พืชผลของตน แต่เซลล์ไม่ยอมรับคำท้า ตนจึงเอาสารดังกล่าวที่เหลือก้นขวดของ นางสุกัลญา ไปลองกับพืชของตนเอง 2 ชนิด ก็พบว่ามีผลแบบเดียวกัน