พิพากษา คุก 70 ปี ผอ.โรงเรียน โกงค่าอาหารกลางวันเด็ก!


พิพากษา คุก 70 ปี ผอ.โรงเรียน โกงค่าอาหารกลางวันเด็ก!

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษาจำคุก 70 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนมะรือโบตก จ.นราธิวาส ทุจริตเงินอาหารกลางวันเด็ก หลังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เอาเงินไปทำโครงการของโรงเรียนตามที่อ้าง

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. นายสนั่น ทองจีน ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ภาค 9 แถลงผลการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประจำปีงบประมาณ 2562 ของสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 ในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช. 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้เปิดเผยถึงผลการพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้พิพากษาคดีที่สืบเนื่องจากการไต่สวนของ ป.ป.ช. ที่ส่งให้พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดนราธิวาส โดยมีคำพิพากษาแล้ว 1 คดี คือ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2562 โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9

“กรณี นายเฉลิม พละสิทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านมะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 3 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ที่มีอำนาจหน้าที่อนุมัติการเบิกจ่ายและควบคุมกำกับการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และความถูกต้องตามกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งของทางราชการที่เกี่ยวข้อง โดยนายเฉลิม พละสิทธิ์ จำเลยใช้โอกาสที่ตนมีหน้าที่ดังกล่าว ทำบันทึกขอยืมเงินประเภทเงินอุดหนุนอื่น และประเภทเงินโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนบ้านมะรือโบตก โดยไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ของการยืมเงินว่าจะนำไปใช้จ่ายเพื่อกิจกรรมใดของโรงเรียน ซึ่งขัดต่อระเบียบของทางราชการ โดยจำเลยใช้อำนาจโดยมิชอบอนุมัติให้ตนเองยืมเงินดังกล่าว เมื่อจำเลยได้รับเงินที่ยืมไปแล้วได้เบียดบังเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตน ไม่ได้นำเงินไปใช้จ่ายในโครงการหรือแผนงานใดของโรงเรียน”

นายสนั่น กล่าวอีกว่า “นายเฉลิม พละสิทธิ์ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 14 กระทง เป็นจำคุก 70 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 35 ปี ที่จำเลยขอให้รอการลงโทษโดยอ้างว่าได้นำเงินที่ยืมไปใช้ในกิจกรรมของโรงเรียนบ้านมะรือโบตก หลายกิจกรรมและบางส่วนนำไปใช้ปรับปรุงห้องพักครูเป็นประโยชน์แก่ราชการ รวมทั้งจำเลยได้จ่ายเงินคืนทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยแล้วนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานการใช้เงินยืมว่าจำเลยนำไปใช้ในกิจกรรมใดของโรงเรียนตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งหากจำเลยนำไปใช้ในกิจกรรมดังกล่าวจริง จำเลยย่อมสามารถแสดงหลักฐานการใช้เงินยืมดังกล่าวได้โดยไม่ยาก การกระทำของจำเลยกระทบต่อระเบียบแบบแผนการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินอันเป็นการกระทำที่ร้ายแรง แม้จำเลยจะชดใช้คืนเงินยืมพร้อมดอกเบี้ยแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นภายหลังจากมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยและเป็นเรื่องทางแพ่ง จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษข้อหาอื่น นอกจากนี้ให้ยก

อย่างไรก็ดี คดีข้างต้นยังไม่ถือเป็นที่สุด และอยู่ภายใต้สิทธิการอุทธรณ์ การพิจารณาวินิจฉัยของศาลสูงตามลำดับ จำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด”