รถเข็น 150,000/คัน พี่ศรี เตรียมล้วงไส้ – แพงเว่อร์มากๆ
รัฐบาลไม่ตอบรับเปิดประชุมสภาฯวิสามัญ “วิษณุ” ยันยังไม่ได้คุย โยนวิปสองฝ่ายดูความพร้อม พรรคร่วมฝ่ายค้านดันเต็มสูบยื่นหนังสือถึงนายกฯและประธานสภาฯ เปิดเวทีสแกนตีกรอบใช้งบและเงินกู้มโหฬาร “ภูมิธรรม” ยกเหตุผลเพื่อให้ใช้เงินอนาคตถูกทางเต็มประสิทธิภาพ ช่วยคนไทยถ้วนหน้า รวดเร็ว “อนุดิษฐ์” วอน 33 ส.ส.รัฐบาลกับ ส.ว.ร่วมลงชื่อให้ครบ 246 เสียง “อิสระ” สวนไม่ใช่เวลามาชำแหละ พ.ร.ก.กู้เงิน “วัฒนา” บี้ทำแผนรองรับโลกเปลี่ยน เย้ยลอกตำรา “ทักษิณ” ต้องพัฒนาและเข้าใจวิธีคิด “เทพไท” แซะ รบ.รีบช่วยชาวบ้านก่อนฆ่าตัวตายรายวันพุ่ง สภาฯหั่นงบฯ 336 ล้านช่วยสู้โควิด “ศรีสุวรรณ” จี้ สตง.สอบ กฟผ.ซื้อรถเข็นแพงเว่อร์ 1.5 แสน ชาวบ้านแบกค่าไฟอ่วม ปลัดพลังงานเต้นตั้ง กก.สอบ 2 สัปดาห์

พรรคร่วมฝ่ายค้านเดินหน้าผลักดันให้มีการเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญหาทางออกให้ประเทศในการแก้ไขปัญหาวิกฤติจากโรคโควิด-19 เพื่อพิจารณาใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.กู้เงินของรัฐบาลวงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลยังไม่มีท่าทีตอบรับ
รัฐบาลยังไม่ได้คุยประเด็นเปิดสภาฯ
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อรับทราบ พ.ร.ก.กู้เงินว่า นายกรัฐมนตรีได้เซ็นส่งสภาฯไปแล้วทั้ง 4 ฉบับคือ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.โอนงบฯปี 63 แล้วแต่ประธานรัฐสภาจะบรรจุอันไหนก่อนหลัง วิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายค้านต้องตกลงกัน จะเปิดเป็นการประชุมวิสามัญหรือไม่ ยังไม่มีใครพูดกันคงต้องคุยกันอีกทีว่าถ้าหากเปิดวิสามัญแล้วต้องมีสมาชิกมาประชุมจะปลอดภัยหรือไม่ ห้องประชุมสุริยันพร้อมแล้วหรือยัง ต้องประชุมร่วมกันสองสภา อีกข้อหนึ่งคือการดูแลรักษาความปลอดภัยป้องกันโรค จะมีมาตรการที่ดีหรือไม่ รวมถึงสมาชิกจะเดินทางมาหรือไม่ ส.ส.หลายท่านอยู่ต่างจังหวัด การเดินทางข้ามจังหวัดโดยเฉพาะทางเครื่องบินอาจ ไม่สะดวกเหมือนปกติ ต้องเอาทุกอย่างมาประกอบกัน วิปทั้งสองฝ่ายต้องไปดู รัฐบาลยังไม่ได้พูดอะไรกัน และตามรัฐธรรมนูญการออก พ.ร.ก.ต้องนำเสนอต่อสภาฯโดยเร็ว แต่เมื่อสภาฯกำลังจะเปิดอยู่แล้วคำว่าโดยเร็วจึงยืดหยุ่นไปได้ แต่ถ้าเห็นพร้อมเปิดได้ แต่กลัวเปิดแล้วจะไม่มีใครมา ต้องคิดไปถึงเจ้าหน้าที่สภาฯต้องใช้เป็นร้อยคนด้วย ส่วนการพิจารณาขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯที่จะหมดอายุวันที่ 30 เม.ย. คาดว่าจะพิจารณาในการประชุม ครม.วันที่ 28 เม.ย.

โต้ครหาสิ้นคิดจัดระเบียบแจกของ
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีกระทรวงมหาดไทยและ กรุงเทพมหานครออกประกาศจัดระเบียบการแจกอาหารให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนว่า การมีผู้มีจิตศรัทธาและจิตอาสาทำอาหารออกมาแจกจ่ายให้กับประชาชน ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีการช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ต่างๆ น่ายกย่อง แต่จำเป็นต้องมีกฎระเบียบในการแจกสิ่งของ หากไม่มีอาจติดเชื้อเพิ่มขึ้น การจัดระเบียบเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนอยู่ใกล้ชิดกันเกินไป ทุกคนต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้งนี้ประกาศดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นนโยบายสิ้นคิดอย่างที่มีนัก การเมืองกล่าวหา เชื่อว่าผู้มีจิตศรัทธาจิตอาสาเข้าใจดี อยากให้นักการเมืองบางคนเข้าใจเจตนาที่ภาครัฐดำเนินการ อย่ามองเพียงประเด็นทางการเมือง ขอให้ทุกฝ่ายช่วยกัน
เจ้าสัวทยอยตอบ จม.นายกฯช่วยชาติ
วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก “ลุงตู่ตูน” เพจสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม โพสต์ภาพเศรษฐีในไทยบางส่วน เช่น นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) นายฉัตรชัย แก้วบุตตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทและกลุ่มศรีสวัสดิ์ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ 1 ใน 20 เศรษฐีไทยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อขอรับการช่วยเหลือเพิ่มเติมเสนอผ่านโครงการช่วยเหลือประชาชน จากผลกระทบโควิด-19 พร้อมโพสต์ข้อความว่า “มหาเศรษฐีเริ่มตอบรับคำขอของนายกฯลุงตู่แล้ว ยินดีพร้อมช่วยเหลือเพิ่มเติมตามคำขอ ช่วยเหลือประเทศฝ่าวิกฤติ ฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังพ้นวิกฤติโควิด-19 ทั้งนี้นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัท พีเอ็มส์ กรุ๊ปส์ เจ้าของบริษัทไทยน็อคซ์ สเตนเลส และไทย คอปเปอร์ เจ้าของสนามกอล์ฟเลควูด และนายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และ กลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ อยู่ระหว่างทำหนังสือตอบกลับ

ญี่ปุ่นชื่นชมมาตรการไทยสู้โควิด
เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายนาชิดะ คาซูยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยนายกฯย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นช่วยเหลือไทยเพื่อบรรเทาสถานการณ์โควิด-19 อาทิ ยาและเวชภัณฑ์ อำนวยความสะดวกเพื่อช่วยเหลือชาวไทยกลับ ขณะที่เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นฯชื่นชมนายกฯควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่าง มีประสิทธิภาพ ทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนน้อย และยอดผู้ป่วยรายใหม่ลดลงทุกวัน ขอบคุณที่ขยายเวลาอนุญาต ให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวญี่ปุ่นในไทยได้มาก ด้านเศรษฐกิจยืนยันภาคเอกชนญี่ปุ่นสานต่อการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ต่อไป ทั้งสองฝ่ายยินดีกับผลสำเร็จการประชุมสุดยอดอาเซียน+3 สมัยพิเศษว่าด้วยโควิด-19 ญี่ปุ่นพร้อมสนับสนุนแก่อาเซียน 3 ด้าน ได้แก่ ยาและเวชภัณฑ์ การจัดตั้งศูนย์รับมือการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ในอาเซียน และการฟื้นฟูความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของภูมิภาค
ฝ่ายค้านดันเต็มสูบประชุมสภาฯวิสามัญ
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 10 พรรคเพื่อไทย มีการประชุมของหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค เพื่อเตรียมทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและประธานสภาฯ ขอเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ พิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาไวรัสโควิด-19 และพิจารณาร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อเสนอแนวทางการใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ มีหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ขาดแต่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านที่ติดภารกิจในต่างจังหวัด แต่ได้ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มายังที่ประชุมด้วย โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง

ยื่นหนังสือ “บิ๊กตู่-ชวน” ตีกรอบใช้เงินกู้
ต่อมาเวลา 15.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการประชุมว่าการแก้ไขปัญหาโควิด เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเสนอให้มีการเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญหาทางออกให้ประเทศ ให้ ส.ส.ได้สะท้อนเสียงประชาชน ให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างถูกทาง ฝ่ายค้านจะทำหนังสือ ถึงนายกฯและประธานสภาฯขอเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ ให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้วนหน้า รวดเร็ว การใช้เงินกู้ที่เป็นเงินล่วงหน้าในอนาคต ต้องมียุทธศาสตร์ มีประสิทธิภาพมากที่สุด การเปิดประชุมสภาฯพิจารณาจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจ ไม่ใช่ปล่อยให้มีการใช้งบฯไปโดยไม่มีการตรวจสอบ
ค้านต่ออายุบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า สำหรับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะหมดลงในวันที่ 30 เม.ย. วันนี้มาตรการสาธารณสุขทำได้ดีพอสมควร จึงไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไป ใช้กฎหมายมาตรการทั่วไปน่าจะควบคุมการแพร่ระบาดได้ ทั้งนี้หนังสือที่หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านลงนาม จะยื่นถึงนายกฯในวันที่ 24 เม.ย.
วอน ส.ส.-ส.ว. 33 เสียงร่วมลงชื่อ
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การขอเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญต้องใช้เสียง ส.ส. 1 ใน 3 หรือ 246 เสียง ฝ่ายค้านมี 213 เสียงจะลงชื่อแล้วเสร็จสัปดาห์นี้ จำเป็นต้องขอเสียง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว.อีก 33 เสียง จะเร่งประสานวิปรัฐบาลที่จะหารือวันที่ 27เม.ย.ให้เร่งพิจารณาเรื่องของฝ่ายค้าน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลร่วมมือ ข้อติดขัดการประชุมสภาฯในการควบคุมโรคตอนนี้ทำได้ดีขึ้น ห้องประชุมสุริยันเสร็จแล้ว เชื่อว่าจะรองรับการประชุม มีระยะห่างระหว่างบุคคลได้ หวังว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะเห็นความสำคัญในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน และจะรับฟังความคิดเห็นฝ่ายค้าน แม้การประชุมสภาฯสมัยสามัญเปิดวันที่ 22 พ.ค. แต่กว่าจะประชุมได้คือ 27-28 พ.ค. กระบวนการขอเปิดสมัยวิสามัญเร็วที่สุดคือให้นายกฯดำเนินการ จะเปิดได้ปลายเดือน เม.ย. กระบวนการสภาฯเร็วสุดคือต้นเดือน พ.ค. ยังถือว่าเร็วกว่ากระบวนการปกติอยู่ดี
“สงคราม” เตือนปัญหา ปชช.รอไม่ได้
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ที่ร่วมกันแก้ปัญหาไวรัสโควิด การขอเปิดประชุมสภาฯวิสามัญของฝ่ายค้าน เพื่อต้องการเสนอแนะให้รัฐบาลนำไปปรับใช้ แก้ไขปัญหาเพราะทุกวันนี้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนรอไม่ได้ และปัญหาหลังจากหมดโควิด ยังมีปัญหาทางเศรษฐกิจตามมาอีก ดังนั้น เราจึงต้องทั้งรีบแก้ไขและหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น
“วัฒนา” บี้ รบ.หาแผนรับโลกเปลี่ยน
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจหลังวิกฤติโควิดว่า แทบเป็นลมเมื่อได้อ่านคำให้สัมภาษณ์รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ถึงแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังปลดล็อกดาวน์ โดยจะพัฒนาสินค้าโอทอปเป็นทางรอดของชาติ นั่นเป็นความคิดของพวกตนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว คนสมัยนั้นชอบสินค้ามีลักษณะเฉพาะ ทำด้วยมือ แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ควรแบ่งการลงทุนเป็น 3 ส่วน คือดูแลธุรกิจที่มีอนาคต เช่น ภาคเกษตรที่เกี่ยวข้องกับอาหารปลอดภัยถูกสุขลักษณะ อุตสาหกรรมบริการเกี่ยวข้องกับการจ้างงาน ไม่ให้เกิดการเลิกจ้าง สนับสนุนให้ลงทุนสร้างความเชื่อมั่นให้ธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการ เช่น นำบุคลากรมาเสริมสร้างสมรรถนะ ลงทุนเพื่อ อนาคตรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกหลังโควิด-19 ที่จะทำให้โลกเปลี่ยแปลงโดยสิ้นเชิง จากนี้มนุษย์จะใส่ใจกับสุขภาพและสุขอนามัย หลีกเลี่ยงการสัมผัส เพราะมนุษย์กลัวไวรัสจนทำให้ทั้งโลกต้องหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงต้องคิดให้ออกว่าประเทศไทยมีอะไรบ้างที่สามารถนำมาพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของโลกภายหลังโควิด-19 แล้วฟื้นฟูเศรษฐกิจไปทางนั้นอันเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต
ลอก “ทักษิณ” มาต้องพัฒนา-เข้าใจวิธีคิด
“เจ้านายผมฝากบอกว่าพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งเป็นหัวใจของการค้าจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในต่างประเทศจึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ล่าสุด คณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยชิคาโกได้เปิดสอนวิชาใหม่ชื่อว่า Behavior Economy การลอกนโยบายของรัฐบาลท่านมาใช้จึงต้องพัฒนาและเข้าใจวิธีคิด แม้แต่ไวรัสยังพัฒนาจนมนุษย์เอาชนะยากขึ้น มนุษย์ก็ต้องพัฒนาและคิดตามให้ทันไม่เช่นนั้นจะแพ้ไวรัส แถมเสียเงินเปล่าแบบที่เอานโยบายของไทยรักไทยมาทำโดยไม่เข้าใจ”นายวัฒนาระบุ
“ทวี” ชี้กองทุนอุ้มหุ้นกู้ไม่มีกลไกกันทุจริต
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ทำไม “กองทุนพยุงตลาดตราสารหนี้ วงเงิน 400,000 ล้านบาท” จึงไม่มีกลไกในการป้องกันการทุจริต เนื้อหาว่า การที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)จัดตั้งกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ (Corporate Bond Stabilization Fund หรือ BSF) วงเงิน 4 แสนล้านบาท หรือการซื้อหุ้นกู้นี้ จากประสบการณ์ที่เคยทำงานด้านสืบสวนสอบสวนคดีตลาดเงินและตลาดทุน พบว่าการทำกองทุนลักษณะนี้มีจุดอ่อน ไม่มีกลไกป้องกันการทุจริต ไม่มีการห้ามการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของคณะกรรมการและระบบอนุญาต เป็นช่องทางให้เกิด การทุจริตคอร์รัปชันได้ รัฐธรรมนูญมาตรา 77 วรรคสาม กำหนดเงื่อนไขให้การบัญญัติกฎหมาย ให้หลีกเลี่ยงระบบอนุญาตและระบบคณะกรรมการ ถ้าจำเป็นต้องบัญญัติเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ไว้ ไม่ให้กรรมการใช้สถานะกระทำการใดไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่เพื่อหาประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่นโดยมิชอบ แม้ส่วนตัวจะไม่สงสัยผู้จะเป็นคณะกรรมการ BSF เรื่องความไม่โปร่งใส แต่ พ.ร.ก.จำเป็นต้องมีมาตรฐานขั้นต่ำที่จะคุ้มครองประชาชนอย่างเคร่งครัด เพื่อคุ้มครองผู้เป็นกรรมการและประชาชนได้เกิดความเชื่อมั่น
“พิชัย” หวดลดค่าไฟต่อหน่วยช่วยระยะยาว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า การลดค่าไฟฟ้าของรัฐบาลควรลดค่าไฟฟ้าต่อหน่วยลงด้วย เพราะกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศในปี 62 เกินความต้องการไปถึง 32% ปีนี้ตัวเลขอาจสูงไปถึง 40% เนื่องจากเศรษฐกิจถดถอย ความ ต้องการใช้ไฟฟ้าน้อยลง แต่การคำนวณค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายจะนำค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้า หมายถึงกำลังผลิตไฟฟ้าส่วนเกินนี้มาคำนวณด้วย ทำให้ค่าไฟฟ้าของประชาชนสูงกว่าความเป็นจริง จึงอยากให้รัฐบาลเจรจากับเอกชนที่ผลิตไฟฟ้าขายให้รัฐบาล ลดค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้าตรงนี้ลง เพื่อให้ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่ประชาชนต้องจ่ายถูกลงไป อีกทั้งยังอยากให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯลดส่วนต่างกำไรที่ซื้อจากเอกชน แล้วมาขายให้ประชาชนลงไป ตัดกำไรตัวเอง และขอให้กระทรวงพลังงานเข้าไปพูดคุยกับ ปตท.ให้ปรับลดราคาก๊าซธรรมชาติ เชื้อเพลิงหลักผลิตไฟฟ้าให้ถูกลง ตามราคาน้ำมันที่ถูกลงในปัจจุบัน จะได้ปรับลดค่าเอฟที ทำให้
ค่าไฟฟ้าถูกลงกว่าที่เป็นอยู่ด้วย เป็นการช่วยเหลือในระยะยาว ไม่ใช่แค่มาลดราคาช่วงวิกฤติ ที่สำคัญกระทรวงพลังงานไม่ควรออกใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มเติมช่วงนี้ เพราะกำลังการผลิตเกินความต้องการมากอยู่แล้ว
“อิสระ”อัดไม่ใช่เวลาชำแหละเงินกู้
ด้านนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ กมธ.สถาบันการเงินการคลัง สภาฯ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมล่ารายชื่อ ขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญชำแหละ พ.ร.ก.เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลจะนำไปแก้ไขปัญหาโควิด-19 ว่า เคารพความชอบธรรมของฝ่ายค้านที่ต้องตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล แต่ไม่คิดว่าการขอเปิดสภาสมัยวิสามัญตอนนี้จะทำให้ประ– สิทธิภาพการใช้จ่ายเงินของรัฐเพิ่มขึ้น ตนไม่ขัดข้อง แต่ไม่ใช่จะมาเปิดสภาฯ เพียงเพื่อจะชำแหละหรือ ท้วงติงการใช้จ่ายเงินกู้เวลานี้ ถ้าจะเปิดควรระดมสมองฝ่ายค้านอีกแรง ชั่งน้ำหนักว่าจะสร้างสมดุลมาตรการด้านสาธารณสุขกับแนวทางเยียวยาเงินในกระเป๋าชาวบ้านได้อย่างไร ต้องชั่งหลักคิดรับมือการแพร่ระบาดที่เหมาะสม ทั่วโลกแก้ปัญหาโควิด-19 ใน 2 รูปแบบ 1.ด้านสาธารณสุขนำเศรษฐกิจตามแบบเดียวกับไทยกำลังใช้อยู่ ข้อดีผู้ป่วยติดเชื้อและตัวเลขผู้เสียชีวิตค่อนข้างต่ำแต่แลกมากับปากท้องที่เริ่มมีปัญหา 2.เศรษฐกิจนำด้านสาธารณสุข แบบยุโรปบางประเทศใช้อยู่ เศรษฐกิจได้รับผลกระทบน้อย แต่ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งสูง การแก้ไขไม่ใช่ปรับวันต่อวัน แต่ต้องปรับแทบทุกวินาที คนไทยคงไม่ต้องการแชมป์เหรียญทองจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 น้อยที่สุดในโลก แต่อีกกว่า 60 ล้านคน หวังมีเงินในกระเป๋าให้อยู่รอดด้วย
ห่วงสึนามิ ศก.กวาดคนจนตายเรียบ
นายอิสระกล่าวอีกว่า เข้าใจความหวังดีของฝ่ายค้าน แต่เชื่อว่ารัฐบาลคงไม่ดันทุรัง ฟังเสียงเรียกร้องของชาวบ้านตลอดเช่นกัน การปรับวิธีการเยียวยาหรือแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ได้ว่า รัฐบาลไม่ได้กลับไปกลับมาเพราะดำเนินนโยบายผิดพลาด แต่จำเป็นต้องเลือกใช้วิธีรับมือปัญหาแบบไม่ตายตัว สิ่งสำคัญอย่าคิดบนสมมติฐานที่ว่าคนรายได้น้อยหรือผู้เดือดร้อนกระจายอยู่ทั่วประเทศ ตามตัวเลขสัญญาณของสึนามิเศรษฐกิจ จากข้อมูลธนาคารโลกและ ธปท. ระบุจีดีพีไทยติดลบกว่าร้อยละ 5 แย่ที่สุดในรอบหลายสิบปี สภาพความจริงวันนี้คนรายได้น้อยไปยืนรออยู่ที่ปากอ่าวไทยกันหมดแล้ว หากสึนามิด้านเศรษฐกิจมาถึงจริงๆจะถูกกวาดต้อนเป็นกลุ่มแรกๆ
“องอาจ” จี้ช่วยแรงงานนอกระบบด่วน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กลุ่ม ที่กระทบมากที่สุดกลุ่มหนึ่งคือแรงงานกลุ่มแรงงานนอกระบบ ได้ค่าจ้างรายวัน มีชีวิตยากลำบากตาม ชุมชนแออัด ถ้าเป็นผู้พิการจะลำบากยิ่งขึ้นไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมจึงไม่ได้รับคุ้มครอง และเข้าไม่ถึงการเยียวยา 5,000 บาทต่อเดือน รัฐบาลควรช่วยอย่างจริงจัง ไม่ให้อดตายดังนี้ 1.เฉพาะหน้าจัดหาข้าวสาร อาหารแห้งให้พอประทังชีวิตได้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยใช้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นประสานความช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ 2.รัฐบาลควรใช้วิกฤติครั้งนี้วางแผนจัดระบบแรงงานนอกระบบให้เป็นหมวดหมู่ ใช้เทคโนโลยีให้รู้ว่าใครทำงานอะไรที่ไหนอย่างไร เพื่อช่วยเหลือทันท่วงที 3.ส่งเสริมยกระดับทักษะแรงงานกลุ่มนี้ให้สูงขึ้น สร้างทักษะใหม่สอดคล้องกับงานในอนาคตที่เปลี่ยน– แปลงไปหลังวิกฤติโควิด ถ้าไม่ทำ อาจมีการใช้แรงงานข้ามชาติเข้ามาทดแทนได้

“เทพไท” จวก รบ.ทำเรื่องง่ายเป็นยาก
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงว่า น่าเสียดายเคยเสนอแนวทางแก้ไขต่อรัฐบาลหลายครั้ง แต่ไม่นำไปใช้ยังแก้ปัญหาแบบทำเรื่องง่ายเป็นเรื่องยากและทำเรื่องยากให้ยากยิ่งขึ้น เช่น 1.ออกจดหมายนายกฯถึงมหาเศรษฐี 20 คน ถ้าทำก่อนพูดกับสังคมคงไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นรัฐบาลขอทานหรือไถเงินเศรษฐี เนื้อหาจดหมายเพียงขอความร่วมมือพัฒนาประเทศ ไม่ขอรับบริจาคเงิน 2.การคิดค่าไฟฟ้าและค่ามือถือ ลดภาระประชาชน ง่ายที่สุดใช้ใบเสร็จค่าไฟเดือน ก.พ.เป็นตัวตั้ง ยอดเกินจากใบเสร็จเดือน ก.พ. รัฐบาลให้ใช้ฟรี ถือเป็นส่วนเกินช่วง ประชาชนหยุดอยู่บ้านรัฐบาลรับผิดชอบให้ หรือจะเลือกใช้วิธีค่าไฟฟ้ารายเดือนลด 50% รัฐจ่ายครึ่งหนึ่ง ผู้ใช้บริการจ่ายครึ่งหนึ่ง ดีกว่าที่เพิ่งประกาศใช้ซับซ้อน เข้าใจยาก ส่วนค่าโทรศัพท์มือถือช่วยเหลือทุกหมายเลข ไม่ต้องลงทะเบียน กด*170*ตามด้วยเลขบัตรประชาชน กด#แล้วโทร.ออก อำนวยความสะดวกมากที่สุด
โวยรีบๆช่วยก่อนฆ่าตัวตายรายวันพุ่ง
นายเทพไทกล่าวอีกว่า 3.โครงการเราไม่ทิ้งกัน ที่เพิ่มช่วย 14 ล้านคนและจ่ายกลุ่มเกษตรกร 9 ล้านครอบครัว ถ้าเยียวยาทุกครัวเรือนมีอยู่ 20 ล้านครัวเรือน จะน้อยกว่ายอดตัวเลขที่รัฐบาลจะเยียวยา คือ 9 ล้านครัวเรือนเกษตรกรรวมกับยอดเยียวยา 14 ล้านคน เป็น 23 ล้านคน หรือถ้าเลือกเยียวยาให้คนอายุ 18 ปีขึ้นไปที่มีเงินฝากในธนาคารยอดไม่เกิน 1 แสนบาทจะใช้วงเงินใกล้เคียงกัน แต่ง่ายและรวดเร็วกว่า ทำเสร็จได้ภายใน 5-10 วัน ต่างให้ลงทะเบียนคัดกรองด้วยระบบ AI จนบัดนี้ยังไม่เสร็จสิ้น จากยอดคนลงทะเบียน 28.8 ล้านคน และยังมีการยื่นทบทวนสิทธิอีกส่วนหนึ่ง อยากให้รัฐบาลพิจารณาถึงความเดือดร้อนของประชาชน การเยียวยาต้องทำทันท่วงทีเร็วที่สุด คนหาเช้ากินค่ำคนไม่มีรายได้ต้องกินต้องใช้ทุกวัน หากโครงการนี้นานถึง 2 เดือนจะมีประชาชนอดตาย ฆ่าตัวตายรายวันอีกแน่ เพราะประชาชนเดือดร้อนทั่วหน้า ยกเว้นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนจากรัฐบาลเดือดร้อนน้อยกว่า
“เชาว์” แฉไอ้โม่งดัมพ์ไข่ไก่หวัง 2 เด้ง
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เรื่อง “ไก่กับไข่ อำนาจเหนือตลาดของทุนใหญ่ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด”ว่า แว่วมาว่าปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด เพราะมีบางบริษัทนำไข่ในห้องเย็นและไข่เชื้อเข้าสู่ระบบตลาด จนทำให้ไข่ล้นระบบ ส่งผลให้ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มลดลงจาก 2.80 บาท เหลือ 2.60 บาท จากนั้นมีกระบวนการเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกไข่ไก่ทันที น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์กดดันให้กระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ส่งออกไข่ไก่ไปต่างประเทศ เพราะคำสั่งห้ามส่งออกไข่ไก่ไปต่างประเทศจะครบกำหนดวันที่ 30 เม.ย. กรมการค้าภายในและหน่วยงานเกี่ยวข้องต้องไปตรวจสอบ จัดการกับผู้นำไข่เชื้อเข้าสู่ระบบไข่สดด้วย ติดตามได้ไม่ยาก ผู้มีไข่เชื้อคือผู้ที่มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์อยู่ในมือมีทั้งหมด 16 บริษัท ไข่เชื้อไม่เหมาะนำมาบริโภค
อย่าอุ้มทุนใหญ่กดหัวเกษตรกรซ้ำเดิม
นายเชาว์ระบุด้วยว่า มีข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงนำไข่เชื้อออกสู่ตลาดไข่ไก่สด ส่งผลให้ไข่ไก่ล้นระบบและยังทำให้ลูกไก่ขาดแคลน จนราคาพุ่งสูงถึง 26 บาทต่อตัว เกษตรกรรายกลางเดือดร้อนหนัก ต้นทุนเพิ่มขึ้นรวดเร็ว ผู้ได้ประโยชน์คือบริษัทที่ต้องการส่งออกไข่ไก่และผลิตลูกไก่ขาย ภาวการณ์นี้มีวาระซ่อนเร้นเพื่อฟันกำไร 2 ทางยอมเจ็บนิดหน่อยเพื่อให้ได้ส่งออกไข่ไก่และดันราคาลูกไก่ให้พุ่งสูงขึ้นด้วยใช่หรือไม่ ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดเสรีนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ในปี 53 เพราะมีการผูกขาดนำเข้าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์โดย 9 บริษัท จนเกษตรกรรายกลางและรายย่อยถูกบังคับให้ซื้อลูกไก่พ่วงอาหารสัตว์เหมือนซื้อเหล้าพ่วงเบียร์ เดือดร้อนทั้งเกษตรกรและประชาชน วัฏจักรปัญหาเดิมกลับมาซ้ำรอยอีก วงจรอุบาทว์จะไม่เกิดขึ้นถ้าปล่อยให้กลไกตลาดทำงานตามปกติ
สภาฯหั่นให้งบสัมมนา–กมธ. 336 ล้าน
นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร กล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาฯคืนให้รัฐบาลว่า สำนักงานเลขาธิการสภาฯได้ตัดงบฯ 336 ล้านบาทส่งคืนให้สำนักงบ ประมาณเรียบร้อยแล้ว เป็นงบฯที่ไม่จำเป็น ประกอบด้วย งบการฝึกอบรมและจัดสัมมนาต่างๆ งบการเดินทางไปดูงานต่างประเทศของกรรมาธิการ 35 คณะ คณะละ 4.8 ล้านบาท และเบี้ยประชุม กมธ.ทุกคณะ เนื่องจากงบเหล่านี้ไม่สามารถดำเนินการได้ในเวลานี้ ไม่มีการจัดฝึกอบรมสัมมนา ไม่มีการประชุม กมธ.คณะต่างๆ ส่วนความพร้อมการเปิดประชุมสภาฯวันที่ 22 พ.ค. สัปดาห์หน้าจะทดสอบความพร้อมการใช้ห้องประชุมสุริยัน ครั้งที่ 3 หลังทดสอบ 2 ครั้งแรก พบระบบเสียงในห้องประชุมไม่เป็นที่น่าพอใจ ต้องปรับปรุงแก้ไข คาดว่าครั้งที่ 3 จะลงตัวมากขึ้น เพื่อให้พร้อมใช้งานได้ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.ไป ขณะนี้พร้อมแล้วที่จะเปิดใช้งานห้องประชุม ส.ส.เหลือแค่ระบบเสียง การคัดกรองบุคคลเข้าพื้นที่ต้องคุมเข้ม เช่น ใส่หน้ากากอนามัย โดยเฉพาะช่วงการเปิดประชุมสภาฯ หากพบใครมีไข้สูงจะส่งต่อให้สถาบันบำราศนราดูรวินิจฉัยต่อทันที เจ้าหน้าที่ของสภาฯไม่พบว่ามีใครติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เคยถูกกักตัว 14 วันไม่พบว่าใครติดเชื้อ บุคลากรสำนักงานเลขาธิการสภาฯไม่มีใครติดเชื้อแม้แต่รายเดียว

“พี่ศรี” แฉ กฟผ.ซื้อรถเข็นคันละ 1.5 แสน
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า การออกมาตรการ ช่วยเหลือค่าไฟฟ้าประชาชน 3 เดือน เป็นการแก้ผ้าเอาหน้ารอดในเหตุเฉพาะหน้าของรัฐบาลเท่านั้น แต่ไม่เคยทบทวนต้นเหตุปัญหาที่ทำให้ราคาค่าไฟแพงอยู่ที่ไหน ล่าสุดสมาคมตรวจสอบพบว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีการจัดซื้อครุภัณฑ์ต่างๆเพื่อนำมาใช้ในสำนักงานและสถานีบริการไฟฟ้าต่างๆทั่วประเทศ มีความผิดปกติหลายประการ แทบไม่น่าเชื่อจะเป็นการจัดซื้อจัดหาโดยองค์กรที่ได้รับรางวัลองค์กรโปร่งใสอย่างต่อเนื่องจากป.ป.ช. อาทิ การจัดซื้อรถเข็น ลักษณะเดียวกับรถเข็นผักทั่วไป เพื่อใช้ในแผนงานโครงการ Supply and Construction of 500/230 kv (GIS) มีราคาต่อ 1 คัน คือ 152,956 บาท หากไปหาซื้อย่านวรจักร หรือย่านรังสิต ไม่น่าจะเกินคันละ 1,000-2,000 บาท แต่ กฟผ.ซื้อในราคาแพงลิบลิ่ว ไม่แน่ใจว่ารถเข็นดังกล่าวทำด้วยทองคำหรืออย่างไร
บี้ สตง.สอบบวกต้นทุนค่าไฟ ปชช.อ่วม
“การจัดซื้อครุภัณฑ์ของ กฟผ.ดังกล่าวเป็นเพียงฝุ่นใต้พรมที่ไม่ตรวจสอบกันจริงจัง ปล่อยให้บริหารจัดการเงินแผ่นดินกันโจ๋งครึ่ม ประหนึ่งบ่อน้ำมันของรัฐวิสาหกิจที่นำมาหล่อเลี้ยงพนักงานถึง 22,413 คน เพราะค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะถูกนำมาคิดเป็นต้นทุนการบริหารจัดการไฟฟ้า ผลักภาระทั้งหมดให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกครัวเรือนผ่านค่าเอฟที ถึงเวลาที่ สตง.ต้องตรวจสอบองค์กรดังกล่าวอย่างจริงจัง ตั้งแต่ฝ่ายจัดซื้อจนถึงผู้ว่าการ กฟผ.ว่ามีส่วนรับรู้การจัดซื้อพัสดุอุปกรณ์ในราคาแพงกว่าปกติหรือไม่” นายศรีสุวรรณกล่าว

“สนธิรัตน์” ขอข้อมูล-ยินดีตรวจสอบ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระบุตรวจสอบพบกฟผ.จัดซื้อครุภัณฑ์ต่างๆที่นำไปใช้ในสำนักงานและสถานีบริการไฟฟ้าต่างๆทั่วประเทศผิดปกติหลายประการ เช่น การจัดซื้อรถเข็นคันละ 152,956.21 บาท ทั้งที่ราคาไม่เกิน 2,000 บาท ว่า ยังไม่เห็นเรื่อง แต่โดยหลักการอะไรที่ไม่ถูกต้อง เดี๋ยวตนจะจัดการ ถ้าร้องเรียนมาจะรับเรื่องและให้นำข้อมูลมาดู แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นรายละเอียด ปกติการดำเนินการต่างๆ แต่ละหน่วยงานมีขั้นตอน วิธีการ กระบวนการ อยู่แล้ว แต่อะไรที่คิดว่าไม่ถูกต้อง ไม่โปร่งใส ตนจะตรวจสอบถ้ามีร้องเรียนเข้ามา อะไรที่อยู่ในสังกัดที่ตนดูแลถ้าไม่ถูกต้องหรือมีการร้องเรียนเข้ามา ตนตรวจสอบอยู่แล้ว
กฟผ.เต้นตั้ง กก.สอบขอ 2 สัปดาห์
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า หลังจากได้ทราบเรื่องนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบการจัดซื้อครุภัณฑ์ของ กฟผ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ประชุมกรรมการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (บอร์ด กฟผ.)ได้แต่งตั้ง พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กรรมการ กฟผ.เป็นประธานกรรมการตรวจสอบ จะพิจารณาทุกข้อร้องเรียน เช่น วิธีการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงหลักเกณฑ์การให้โบนัสที่ปกติกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาให้กับรัฐวิสาหกิจ ทุกอย่างจะต้องพิจารณาเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
ขณะที่นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิริทัย ผู้ว่าการ เปิดเผยว่า กรณีนายศรีสุวรรณ ยื่นหนังสือให้ตรวจสอบ กฟผ.จัดซื้อครุภัณฑ์ เช่น การจัดซื้อรถเข็นผักราคาสูงนั้น อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานเสนอให้คณะทำงานชุดที่บอร์ด กฟผ.แต่งตั้งขึ้นพิจารณาภายใน 2 สัปดาห์
สภาตั้ง “จิตภัสร์” เป็น กมธ.ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสภาผู้แทนราษฎร เรื่องตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ในคณะกรรมาธิการการตำรวจ แทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ลาออกและในคราวประชุมสภาฯ วันที่ 20 ก.พ. ที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้ง น.ส.จิตภัสร์ ตั๊นกฤดากร เป็น กมธ.แทน ประกาศให้ทราบทั่วกัน ณ วันที่ 21 ก.พ.2563
พปชร.บวงสรวงตั้งศาลที่ทำการใหม่
ช่วงเช้าที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค เป็นประธานประกอบพิธีพราหมณ์ ตั้งศาลพระพรหม บริเวณหน้าอาคารเลขที่ 547 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐแห่งใหม่ ตรงข้ามศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กทม.โดยมีแกนนำ กรรมการบริหารพรรค และรัฐมนตรีบางส่วน เข้าร่วม อาทิ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรค นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำ สำนักนายกฯในฐานะกรรมการบริหารพรรค เป็นต้น และนิมนต์พระสงฆ์ทำพิธีเจิมภายในอาคารเพื่อเป็นสิริมงคล ก่อนเปิดใช้อย่างเป็นทางการต่อไป ให้เหตุผลว่าที่เก่าอาคารปานศรี ซอยรัชดาภิเษก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร แคบเกินไป
“ท็อป” สานต่อไม่ให้เสียชื่อ “มังกรเติ้ง”
ที่ จ.สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสรชัด สุจิตต์ และนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมวางพวงหรีดที่อนุสาวรีย์บรรหาร ศิลปอาชา รำลึกวันครบรอบ 4 ปีการจากไปของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ มีนายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผวจ.สุพรรณบุรีและชาวสุพรรณบุรี ร่วมพิธี จากนั้นนายวราวุธ เปิดเผยว่า ครบรอบ 4 ปีที่นายบรรหารจากเราทุกคนไป ตระกูลศิลปอาชายังมุ่งทำงานการเมืองให้ชาวสุพรรณบุรีและคนไทยทั่วประเทศ จะมุ่งมั่นสานฝันเพื่อให้พรรคยั่งยืน เป็นสถาบันการเมืองทำงานแก้ปัญหาให้ประชาชนทุกภาคทุกจังหวัด ไม่ให้เสียชื่อเป็นพรรคของมังกรการเมือง
ขณะที่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า“วันนี้พ่อจากไปครบ 4 ปีแล้ว ปีนี้สถานการณ์ไม่สะดวกจึงไม่ได้จัดงานทำบุญ แต่ใส่บาตร…สิ่งที่พ่อทิ้งไว้ให้ ทำให้เราได้มีโอกาสเอื้อเฟื้อต่อชีวิตอื่นในทุกวันนี้… รักและระลึกถึงพ่อเสมอ บุญกุศลใดที่เราสามคน แม่ นา และท็อปได้ทำ ขออานิสงส์นั้นส่งให้พ่อได้อยู่ในภพภูมิที่สูงยิ่งขึ้นไปและมีความสุขสงบนะคะ…”